การล้างพิษในสมองมนุษย์

Posted by admin on in บทความ

ล้างพิษจากสมองได้อย่างไร (How to detox Brain?)

ดร.โคโรไลน์ ลีฟ  นักประสาทวิทยา (Cognitive Neuroscientist)

 

เริ่มจากคำถามชวนคิด…

         

         “จิตใจเปลี่ยนแปลงสมองได้ไหม : Can the Mind changes the Brain ?

         ”ทำไมคริสเตียนจึงต้องรู้จักการทำงานของจิตใจและความคิด : Why Christian needs to know about the Mind and Thought ?

         ”วิทยาศาสตร์มีไว้เพื่ออะไร: What science is built for ?

ก่อนอื่นคุณต้องเห็นด้วยกับความจริงที่ว่า พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่ง คุณเห็นด้วยหรือไม่ ?

มีเรื่องเล่าขำขันเรื่องหนึ่ง   มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งรู้สึกภูมิใจในความรู้ความเก่งของตนมาก จึงรวมกลุ่มกันบอกพระเจ้าว่าเราไม่ต้องการพระองค์แล้ว เราสร้างทุกสิ่งได้เอง พระเจ้าจึงท้าทายพวกเขาว่า ให้ เรามาแข่งกันว่า ใครจะสร้างสิ่งอัศจรรย์ได้ดีกว่ากัน  ให้พวกท่านเริ่มก่อน นักวิทยาศาสตร์ก็ตอบว่า คอยดูนะ ว่าแล้วก็ก้มลงจะหยิบดินจากพื้นดินขึ้นมาจะสร้างสิ่งอัศจรรย์ของตนเอง  แต่พระเจ้าพูดว่า โอ้  ดินนั้นเราเป็นผู้สร้างมัน พวกท่านต้องใช้สิ่งที่เป็นของท่านเอง… 

          วิทยาศาสตร์ เป็นเพียงคำอธิบายว่าพระเจ้าสร้างทุกสิ่ง  ทุกสิ่งที่เราเห็น ไม่ได้ถูกสร้างโดยมนุษย์ แต่ถูกสร้างโดยพระเจ้า  ผู้ที่สร้างมนุษย์ เป็นผู้เดียวกับผู้ที่สร้างวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์จึงมีเพื่ออธิบายสิ่งที่ถูกสร้างไว้อย่างอัศจรรย์ ที่ซ่อนอยู่ในธรรมชาติ  วิทยาศาสตร์ที่ปราศจากพระเจ้าจึงไม่มีความหมาย สร้างความผิดพลาดมากมาย แปลความหมายการค้นพบไม่ถูกต้อง มีอคติ ไม่ได้ถูกตีความตามสายพระเนตรของพระเจ้า  ซาตานพยายามทำให้วิทยาศาสตร์ซ่อนสิ่งที่พระเจ้าสร้าง ให้มีการใช้วิทยาศาสตร์ในทางที่ผิด พูดโกหกตามธรรมชาติของมันเพื่อทำให้มนุษย์เข้าใจผิดจากความจริง  ความจริงซาตานทำอะไรเราไม่ได้ มันไม่มีอำนาจ ยกเว้นเราเลือกที่จะไปฟังและเชื่อตามมัน และทำให้ชีวิตเราล้มเหลว วิทยาศาสตร์จึงควรถูกใช้ในคริสตจักร พระเจ้าต้องการใช้วิทยาศาสตร์เปิดเผยความจริงของพระคำในพระคัมภีร์ของพระเจ้า

ในบทความนี้ ดร.โคโรไรน์ใช้วิทยาศาสตร์ให้ความเข้าใจว่าทำไม พระธรรมโรม 12:2 จึงสำคัญมากต่อคริสเตียน   “…แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจเสียใหม่ (Renew you mind) เพื่อท่านจะได้ทราบว่าพระประสงค์ของพระเจ้าว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” คุณจะใช้ Mind ของคุณอย่างถูกต้องได้อย่างไร แล้ว พลังแห่งรักและจิตใจที่เข้มแข็งสมบูรณ์ (Love power and Sound Mind)  ทำงานอย่างไรในฝ่ายกายภาพและฝ่ายวิญญาณ และจะใช้ในวิถีชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างไร

อยากบอกพวกคุณว่า พวกคุณชาญฉลาด (Brilliant and intelligent) มาก เพราะพระเจ้าสร้างคุณตามพระฉายของพระองค์  และเพราะพระเจ้าของคุณชาญฉลาด ให้บอกคุณเองว่า  คุณเป็นคนเฉลียวฉลาด  ดังนั้นทุกคนที่อ่านบทความนี้ที่รวบรวมจากคำบรรยายของดร.โคโรไรน์ นักประสาทวิทยาคริสเตียน ท่านก็จะสามารถเข้าใจได้หมด แต่ถ้าไม่เข้าใจ คุณก็เพียงอ่านทบทวนหลายๆรอบ  หรือฟังคำบรรยายของดร.โรไลน์ จากยูทูบได้เองหลายๆรอบ คุณก็จะเข้าใจ สติปัญญาของมนุษย์ถูกสร้างมาเป็นชั้นๆ  (wisdom is built upon layers and layers) ความคิดเป็นของจริง (Thought is real) ถ้าคุณฟัง อ่านเรื่องหนึ่งทุกๆวัน

จากผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ บอกว่าถ้าคุณใช้เวลา 21 วัน ทำซ้ำๆ  จะเป็นการสร้างความคิดใหม่ในสมอง และใน 63 วัน มันจะกลายเป็นอุปนิสัย (Habit)

เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์บอกว่าสมองเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สมองเมื่อถูกทำลาย คนๆนั้นก็ต้องตาย ไม่สามารถสร้างใหม่ เช่นถ้าคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุและสมองถูกทำลาย คือสมองตาย ก็ไม่มีความหวังที่จะมีชีวิต สมัยนั้นไม่มีใครเชื่อว่าจิตใจสามารถเปลี่ยนแปลงสมองได้  แต่ดร.โคโรไรน์เป็นคริสเตียน ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อพระเจ้าและเชื่อพระคำของพระเจ้าทุกตอนว่าเป็นความจริง โรม 12:2 บอกว่า …จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจเสียใหม่ (Renew you mind)  ท่านเชื่อว่าเมื่อพระเจ้าบอกให้เราเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ จิตใจก็ต้องเปลี่ยนได้ และจิตใจก็เปลี่ยนแปลงสมองได้  จึงตั้งหัวข้อวิจัยเพื่อพิสูจน์ว่าจิตใจสามารถเปลี่ยนแปลงสมองได้หรือไม่ (Can the Mind changes the brain) ซึ่งถูกมองว่าเป็นคำถามที่แปลก พระคำของพระเจ้ายืนยันว่า คุณถูกสร้างมาให้มีจิตใจที่สมบูรณ์ (sound mind) และใน 2 โครินธ์ 10:5 อ.เปาโลบอกชัดว่า  “คือทำลายความคิด และทิฐิมานะทุกประการที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และน้อมนำความคิดทุกประการให้เข้าอยู่ใต้บังคับสู่การเชื่อฟังพระคริสต์”  ถ้านี่เป็นรากฐานที่สำคัญของชีวิต และคุณต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตของคุณ คุณก็ควรจะเข้าใจเรื่องจิตใจ (Sound Mind) ทำความเข้าใจความคิดของคุณ (understand your thinking) เพราะคุณคิดตลอดเวลา การกระทำของคุณก็มาจากความคิด คุณเป็นมนุษย์จอมคิด (thinking BEING) คุณถูกสร้างมาตามพระฉายของพระเจ้าเพราะพระองค์เป็น Thinking God. คุณจะชอบหรือไม่ก็ตามแต่คุณคิด 24 ชม.ทุกวัน เมื่อคุณลืมตาตื่นคุณก็เริ่มคิด คุณสร้างความคิดของคุณ และเมื่อคุณหลับ คุณก็จัดเรียงความคิดที่คุณมีตลอดวันที่ผ่านมา พระเจ้าให้เสรีภาพแก่คุณ

ดร.แคโรไลน์ ทำการวิจัยพบว่า จิตใจสามารถเปลี่ยนแปลงสมองได้  สมองซึ่งควบคุมการทำงานทั้งหมดของร่างกาย เปลี่ยนแปลงร่างกายได้ ดังพระคำโรม 12:2 จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจเสียใหม่ ท่านจะได้ทราบว่าพระประสงค์ของพระเจ้าว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” ดังนั้นจิตใจสามารถรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ และถ้าเรามุ่งมั่นเราก็พัฒนาสติปัญญาได้  ดร.แคโรไลน์จึงศึกษาสมมุติฐานของท่านที่ว่า “จิตใจสามารถเปลี่ยนแปลงสมองได้” นั้นถูกต้อง  และความคิดถูกสร้างในสมองอย่างไร

จากการค้นคว้า  ถ้าสมองของคนถูกเอาออกมาวางบนมือหรือบนจานอย่างในรูป  มันทำอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าสมองอยู่ในหัวของคน ความเร็วในการคิดของสมองคือ 400 พันล้านต่อวินาที ส่วนจิตใจอยู่แยกจากสมอง ดร.โคโรไรน์ ได้ทำการทดลองกับคนไข้ที่ประสบอุบัติเหตุและสมองถูกทำลายอย่างหนัก ซึ่งเวลานั้นยังไม่ค่อยมีใครศึกษาวิจัยเรื่องนี้มากนัก  เพราะนักวิทยาศาสตร์ไม่เชื่อว่าสมองจะเปลี่ยนแปลงใหม่ได้หลังจากถูกทำลายแล้ว

กรณีคนไข้ที่เป็นเด็กหญิงคนหนึ่ง เธอมีรูใหญ่ในสมองจากอุบัติเหตุ  เธออยู่ในภาวะโคม่าอยู่ 2 สัปดาห์ หมอผู้รักษาบอกว่าสมองของเธอถูกทำลายทั้งหมด แม้ว่าปาฏิหารย์ทำให้เธอฟื้นจากโคม่า เธอก็จะนอนเป็นสภาพเหมือนผัก เพราะถ้าสมองถูกทำลายเกิน 8 ชม. ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่พ่อแม่ของเด็กหญิงคนนี้ไม่ยอมรับสิ่งที่หมอพูด พ่อแม่ของเธอเป็นคริสเตียน พวกเขาพูดถ้อยคำ  พระสัญญาของพระเจ้าเข้าไปในชีวิตของลูกสาวที่นอนนิ่งอยู่ไม่กระดุกกระดิก นำทีมนมัสการเข้าไปในห้อง เปิดเพลงนมัสการตลอด 24 ชม. อ่านพระคัมภีร์ เปิดเทปเทศนาพระคำ  พ่อแม่ไม่ยอมให้ใครมาพูดเรื่องลบกับเด็กที่นอนนิ่ง ยกเว้นบางครั้งที่หมอเข้ามาดูอาการและพูดลบตามความเห็นของหมอ แต่พ่อแม่มีความเชื่อที่เข้มแข็ง พวกเขาทำติดต่อกันไม่หยุด  ผ่านไป 2 สัปดาห์ เด็กหญิงคนนี้ฟื้นจากโคม่า เธอบอกว่าตลอดเวลา เธอได้ยินทุกคำพูดทั้งบวก ลบ แต่เธอเฝ้าบอกตัวเองตลอดว่าเธอต้องฟื้นและกลับมาเป็นปกติ  เมื่อเธอกลับไปเรียน เธอพยายามจะตามเพื่อนที่เรียนเกรด 11 ให้ทัน แต่เธอกลับไปเรียนด้วยสภาพสมองเทียบเท่าเด็กเกรด 4 เท่านั้น  แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์มากแล้ว สำหรับเด็กที่เคยถูกหมอวินิจฉัยว่าจะต้องเป็นคนไข้ที่นอนเป็นผักตลอดชีวิต หลังจากผ่านไป 8 เดือน พ่อแม่เธอได้ยินเรื่องงานวิจัยของดร.แคโรไรน์ และขอเข้าร่วมในงานวิจัยของ  ดร.แคโรไรน์ ดร.พูดคุยกับเด็กสาว และใช้เวลา 3 ชม. ทุกวันกับเด็กในการฟื้นฟูด้วยเทคนิคของเธอ เป็นเวลา 8 เดือน

เด็กหญิงคนนี้มีเป้าหมาย (Goal) มีความฝัน (Vision) ไม่ยอมแพ้ เธอมีความตั้งใจ ปฏิบัติตามเทคนิคที่ดร.พัฒนาขึ้นมาอย่างเคร่งครัดโดยใช้หลัก พลังแห่งรักและจิตใจที่เข้มแข็งสมบูรณ์ (Love Power and sound mind) เธอมีวินัย และประยุกต์ใช้ทุกเรื่องที่ดร.บอกให้ทำ  เธอตั้งความฝัน (Vision) ว่าจะจบเกรด 12 (เทียบเท่ามัธยมปีที่ 6 บ้านเรา) พร้อมกับเพื่อนๆของเธอ และในที่สุด เธอทำได้สำเร็จ จบเกรด 12 พร้อมกับเพื่อนๆของเธอ และความอัศจรรย์คือ ผลการเรียนเดิมก่อนเกิดอุบัติเหตุ เธออยู่ในระดับเฉลี่ยกลางๆ IQ ระดับกลางๆค่อนไปทางต่ำ แต่หลังจากอุบัติเหตุ  จากเด็กที่มีรูใหญ่ในสมอง เธอจบการศึกษาเกรด 12 พร้อมเพื่อนๆของเธอด้วยผลการเรียนสูงลิ่วในวิชาคณิตศาสตร์ IQ ของเธอสูงขึ้นเป็นระดับอัจฉริยะ นี่คือการอัศจรรย์ของพระเจ้า

 ประเด็นที่สำคัญในเรื่องนี้คือ เธอเลือกที่จะใช้พลังแห่งรักและจิตใจที่เข้มแข็งสมบูรณ์ (Love Power and Sound Mind)  ปกติสำหรับคนที่ผ่านช่วงโคม่า  IQ จะตกลงมา 25 – 40 จุด แต่ IQ เธอสูงขึ้นเป็นระดับอัจฉริยะ (Genius)

ผลการทดลอง สรุปว่า จิตใจสามารถเปลี่ยนแปลงสมองใหม่ได้ และจิตใจแยกออกจากสมอง  ดังนั้นคุณสามารถที่จะไม่เป็นเหยื่อของสถานการณ์ แต่เป็นผู้มีชัยชนะ แม้ว่า คุณจะไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เข้ามาหาคุณได้ แต่คุณสามารถควบคุมการตอบสนองต่อสถานการณ์หรือเหตุการณ์นั้นอย่างผู้มีชัยชนะได้ คุณไม่ใช่เหยื่อ แต่คุณเป็นผู้ชนะ (You cannot control your circumstance but you can control your re-actions or your response to your circumstance. You are not the victim of your circumstance but you are the Victor) ยังมีตัวอย่างคนไข้อีกหลายกรณีที่ทำให้ดร.โรไลน์สามารถสรุปผลการวิจัยดังกล่าวได้ว่า จิตใจสามารถเปลี่ยนแปลงสมองได้

เรื่องราวชีวิตของจอยส์ มายเยอร์ ที่ถูกพ่อข่มขื่น 200 กว่าครั้ง ตั้งแต่เด็กจนเป็นวัยรุ่น วันหนึ่งขณะที่พ่อขับรถไปรับเธอจากโรงเรียนและเริ่มจะข่มขื่นเธอ เธอเห็นตำรวจ เธอตัดสินใจว่าตำรวจจะช่วยเธอได้และร้องให้ช่วย แต่พ่อให้สินบนกับตำรวจและร่วมข่มขืนเธอด้วย  เธอหมดหวังในชีวิตกับสภาพที่เธอเป็น แต่เธอได้ยินคำพยานเรื่องพระเยซูคริสต์และเธอเชื่อ เป็นเวลา 1 ปีเต็มที่เธอเลือกที่จะยึดมั่นในความรักของพระเจ้า ให้พระเจ้าผู้เป็นพระบิดาเยียวยาจิตใจของเธอ เธอเฝ้าบอกตัวเองว่าเธอมีคุณค่า ทุกๆวัน เธอเลือกที่จะจดจ่อความคิดในความรักของพระเจ้า ใคร่ครวญว่าพระเจ้าเป็นความจริง และความรักของพระองค์ที่มีต่อเธอเป็นจริง เธอไม่ยอมแพ้ เธอเลือก power of love and sound mind และเป็นพยานให้กับคนมากมายให้มาถึงความรอดในพระคริสต์ จนปัจจุบัน

ในงานวิจัยพบว่าคนปกติจะเลิกล้มความตั้งใจในวันที่ 4-5 เมื่อสถานการณ์ยากลำบาก จุดสำเร็จคือคุณต้องปรารถนาที่ไปต่อ คุณเป็นผู้ชนะ และเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ น้อมนำความคิดทุกประการให้เข้าอยู่ใต้บังคับสู่การเชื่อฟังพระคริสต์

 

สมองไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากตั้งอยู่ในหัวของคุณ คุณเป็นผู้ควบคุมมัน สมองของคุณได้รับสัญญาณจากสิ่งที่คุณเห็น ได้ยิน สัมผัส และนำไปเปลี่ยนบางสิ่งในสมองของคุณ นั่นคือเป็นความคิด  เมื่อคุณกำลังคิด เมื่อจิตใจของคุณกำลังทำงาน มันจะรวบรวมสัญญาณทั้ง 5 สร้างเป็นส่วนประกอบต่างๆในสมอง

ทุกๆเช้าที่คุณตื่นขึ้นมา คุณต้องตัดสินใจจะทำบางอย่าง มันจะมีสัญญาณต่างๆทั้ง 5 เข้ามาหาคุณ กลิ่น เสียง รส สัมผัส การมองเห็น  คุณจึงต้องเลือกที่จะอยู่ข้างไหน..ชีวิตหรือความตาย  ในเฉลยธรรมบัญญัติ 30:19 ข้าพเจ้าตั้งชีวิตและความตาย พระพรและคำสาปแช่งไว้ต่อหน้าท่าน เพราะฉะนั้นท่านจงเลือกเอาข้างชีวิตเพื่อท่านและเชื้อสายของท่านจะได้มีชีวิตอยู่  ก่อนจะคุณจะเอื่อมมือไปหยิบมือถือ ให้กอดภรรยาของคุณหรือคนที่คุณรักก่อน ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ แต่สัญญาณชีวิตจะวิ่งมาที่สมองของคุณ คุณต้องสั่งสมอง อย่าปล่อยให้สมองสั่งคุณ  สมองไม่สามารถทำอะไรคุณได้ คุณเท่านั้นที่ควบคุมมัน เมื่อคุณเห็น ฟัง คุณจะรับสัญญาณเหล่านั้น เข้ามาในสมอง คุณจะเป็นผู้ควบคุมมัน  ดูรูปข้างในของสมอง  พระเจ้าสร้างคุณอย่างอัศจรรย์ คุณสามารถทำ 4 อย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกัน  สมองส่วนหน้าของคุณ พระเจ้าออกแบบให้ควบคุมการยืน  คุณสามารถคิดวิเคระห์สิ่งที่คุณเข้าใจ และคุณยังสามารถทำ 4 สิ่งในเวลาเดียวกัน เมื่อคุณรับสัญญาณจากสิ่งเร้าทั้ง 5 เข้าไปในสมอง มันเป็นความคิด

 

 

ความคิด (thought) มีรูปร่างเหมือนต้นไม้ มีรากยาวๆที่เรียกว่าเดนดัส พระเจ้าให้คุณมีเสรีภาพในการคิด ขณะที่คุณฟังคำบรรยายหรืออ่านงานของดร.อยู่  เกิดการเต้น การเคลื่อนไหวของสายเดนดัส ขยายยาว ยึด เติบโตออกไป  การเต้นของเดนดัสเกิดจากการกระทำของจิตใจ  ข้างในเซลสมองมีนิวเคียส มีโคโมรโซม รูปร่างเหมือนหนอนจับคู่กัน  และข้างในก็มีอะมีโนเอซิค ที่โคโมโซมถูกหุ้มด้วยโปรตีน Sheet   เมื่อโปรตีน sheet ถูกเปิดออกเหมือนซิป มี generic code และมี DNA

เมื่อคุณฟังหรืออ่าน ใช้ความคิด เป็นการ unzip แผ่นโปรตีนหรือโครงสร้างโปรตีนในสมอง ที่เหมือนถุงนอนเปิดออก ดังนั้นจิตใจของเราเป็นตัวทำให้ DNA ขยายออกไป มันจะสร้างโปรตีน Sheet ที่เรียกว่าเดนดัส ขยายรากของสมองที่เหมือนต้นไม้  ดังนั้นความคิดของคุณเป็นจริง ทุกครั้งที่คุณคิด คุณสร้างต้นไม้ที่มีเอกลักษณ์ ที่ประกอบด้วยโปรตีนSheet ของคุณเอง

พระเจ้าสร้างคุณตามพระฉายของพระองค์ ไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ คุณชาญฉลาดมาก มีเอกลักษณ์ คล่องแคล่ว มีจิตวิญญาณที่ทรงพลัง คุณประกอบด้วยร่างกาย จิตใจ (ดวงจิต) จิตวิญญาณ มนุษย์ฝ่ายวิญญาณของคุณมีความเป็นมนุษย์สูงมาก มนุษย์ฝ่ายวิญญาณของคุณสื่อสารกับพระเจ้าได้ นมัสการพระเจ้า เป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณส่วนที่สูงสุดใน 3 ส่วน คุณมีปรีชาญาณที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะพูดคุยกับคุณได้ คุณมีมโนธรรม ความรู้สึกผิดชอบของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อคุณบังเกิดใหม่ จิตวิญญาณของคุณเชื่อมต่อกับพระวิญญาณบริสุทธิ์  แต่ถ้าคุณไม่บังเกิดใหม่ จิตวิญญาณของคุณจะอยู่ในระดับต่ำและไม่สามารถสื่อสารกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้  ดังนั้นคุณควรจะเชื่อมต่อกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ บังเกิดใหม่ คุณมีจิตวิญญาณ คุณมีจิตใจ(ดวงจิต)  จิตใจก็คือดวงจิตของคุณ มันไม่ได้อยู่ในสมองของคุณ

ดวงจิตคือสติปัญญา เชาว์ปัญญาของคุณ อารมณ์ พระเจ้าให้เสรีภาพในการเลือกที่จะเลือกพระองค์ พระองค์ให้สติปัญญา ความคิดและการเลือกกับคุณ

จิตใจและการกระทำนำสู่การเลือก คุณเป็นมนุษย์แห่งความรู้สึก พระเจ้าให้คุณภาพที่ดีกับคุณ และพระองค์ก็ให้การเลือกที่คุณจะเลือกที่จะติดตามพระเจ้าด้วย

 

คุณมีจิตวิญญาณ จิตใจหรือความคิดและร่างกาย สมองควบคุมการทำงานของร่างกาย ความคิดของคุณ มีผลกระทบต่อเซลทั้ง 75-100 ล้านล้านเซลในร่างกายของคุณ

ดังนั้นเฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 30 ข้อ 19 จึงสำคัญที่คุณจะเลือกชีวิตหรือความตาย

ท่านจงเลือกเอาข้างชีวิตเพื่อท่านและเชื้อสายของท่านจะได้มีชีวิตอยู่ ความคิดเป็นของจริงที่ครอบคลุมสภาพจิตใจ และทำให้เกิดเป็นกายภาพในร่างกายของคุณ เมื่อคุณคิดอะไรในสมอง มันจะกลายเป็นส่วนประกอบในสมองของคุณ

การวิจัยบอกว่าคุณพูดอะไรและคุณทำอะไร มันไม่ใช่เหตุบังเอิญ มันมาจากสิ่งที่คุณสร้างโดยใช้จิตใจและสมองของคุณ มันเป็นเหตุให้ DNA สร้างโปรตีน กระจายเป็นสายเดนดัส ความคิดมีรูปร่างเหมือนต้นไม้ มันสามารถเป็นยารักษาหรือความตายได้

ในวิวรณ์ 22 ข้อ 2 “ท่ามกลางถนนในเมืองนั้นและริมแม่น้ำทั้งสองฟากมีต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งออกผลสิบสองชนิด ออกผลทุกๆเดือน และใบของต้นไม้นั้นสำหรับรักษาบรรดาประชาชาติให้หาย “ คุณสามารถสร้างความคิดที่ดีในชีวิต เมื่อคุณฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อคุณอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง คุณนมัสการอย่างต่อเนื่อง เมื่อคุณใครครวญพระคำทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อคุณมีวิถีชีวิตแห่งการนมัสการ คุณนำความคิดเข้าสู่การจำจองสู่ความเชื่อฟังพระคริสต์ คุณสร้างสุขภาพที่ดี แต่ถ้าคุณเลือกที่จะอยู่อีกข้างหนึ่งคือฟากความตาย คุณก็ยังคงสร้างความคิดลงไปในสมองที่เป็นกายภาพ มันก็จะสร้าง DNA และโปรตีนของฟากความตาย ไม่ยอมฟังเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ วิตกกังวล มันสร้างสมดุลของคลวนตัมผิดๆ โรคภัยไข้เจ็บ

75 –  98% ของคนไข้ด้านจิตใจ เกิดจากชีวิตด้านความคิด

               คุณไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เข้ามาหาคุณได้ แต่คุณสามารถควบคุมการตอบสนองต่อสถานการณ์หรือเหตุการณ์นั้นอย่างผู้มีชัยชนะได้ คุณไม่ใช่เหยื่อแต่คุณเป็นผู้ชนะ (We cannot control circumstance but you can control your reaction to the circumstance. You are not the victim but victor of the circumstance.)

 

ขอพระเจ้าอวยพรผู้อ่านเอกสารฉบับนี้ และคุณเข้าใจการทำงานของจิตใจที่สามารถควบคุมสมองได้ ซึ่งทำให้จิตใจที่มุ่งมั่น มีวินัย ใคร่ครวญภาวนาพระคำของพระเจ้า มีชีวิตแห่งการอธิษฐานและนมัสการ เข้าใจอัตตลักษณ์ที่พระเจ้าสร้างคุณให้เป็นผู้ชาญฉลาด คุณเลือกที่เป็นผู้ชนะ ไม่ใช่เหยื่อ แม้ว่าคุณไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เข้ามาหาคุณได้ แต่คุณเลือกที่จะควบคุมการตอบสนองต่อสถานการณ์หรือเหตุการณ์นั้นอย่างผู้มีชัยชนะได้

 

ดร. อรุณี ตระการไพโรจน์

ผู้รวบรวมและแปล (2 พ.ค. 2020)

 

แหล่งอ้างอิง : Dr. Caroline Leaf  https://video.search.yahoo.com/search/video?fr=mcafee&ei=UTF-8&p=tyoutube+brain+detox+dr.+leaf&type=E211US714G0#id=1&vid=ec73449fa49e7eeafd0c5ffc8951a1a7&action=view How to detox your brain

ยังไม่มีคอมเม้นนะครับ : Kopkap.in.th

The comments are closed.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save